Being as Emptiness: การสำรวจศูนย์กลางของความเป็นจริง
“Being and Nothingness” ของ Jean-Paul Sartre เป็นผลงานคลาสสิกที่วิเคราะห์ความหมายของการดำรงอยู่และความว่างเปล่า แต่ในวันนี้ เราจะเดินทางไปยังดินแดนปลาดิบและเทมปุระ เพื่อสำรวจหนังสือที่สำรวจแนวคิดคล้ายคลึงกัน แต่อยู่ในบริบททางวัฒนธรรมที่ต่างออกไป: Being as Emptiness หรือ “ความเป็นคือความว่างเปล่า” โดย Nishida Kitarō
Nishida Kitarō (1870-1945) เป็นนักปรัชญาชาวญี่ปุ่นผู้มีความคิดริเริ่มและล้ำยุค เขาได้พัฒนาทฤษฎีที่เรียกว่า “Zen no Kenkyū” หรือ “การศึกษาด้านเซ็น” ซึ่งเป็นพื้นฐานของแนวคิด “Being as Emptiness”
ความว่างเปล่าคือความเป็น: การถอดรหัสความหมาย
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่การสำรวจแนวคิดปรัชญาแบบตะวันตกเท่านั้น แต่ยังผสานกับหลักคำสอนในศาสนาพุทธ Zen ของญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน
Nishida เสนอว่า “ความว่างเปล่า” ไม่ใช่สภาพของการไม่มีอะไรเลย ตรงกันข้าม เป็นพื้นฐานสำหรับความเป็นอยู่ที่แท้จริง ความว่างเปล่านี้ไม่ใช่ความว่างเปล่าอย่างที่เราเข้าใจ แต่เป็น “ความว่างเปล่า” ที่มีศักยภาพในการสร้างขึ้นมาใหม่ได้เสมอ
จินตนาการถึงแผ่นกระดาษสีขาว: ดูเหมือนจะว่างเปล่า แต่ในความเป็นจริง มีศักยภาพในการกลายเป็นอะไรก็ได้
Nishida เชื่อว่า “ความเป็น” หรือ “Being” เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ และความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นจาก “ความว่างเปล่า”
ตารางแสดงการเปรียบเทียบแนวคิด “Being” และ “Nothingness”
แนวคิด | Sartre (Being and Nothingness) | Nishida (Being as Emptiness) |
---|---|---|
“Being” | ความเป็นตัวตนที่แยกจากกัน | เกิดจากความสัมพันธ์และความว่างเปล่า |
“Nothingness” | ความไม่มีอะไรเลย | “ความว่างเปล่า” ที่มีศักยภาพในการสร้าง |
การสำรวจสุนทรียศาสตร์ของการเป็น
นอกเหนือจากเนื้อหาปรัชญาแล้ว “Being as Emptiness” ยังมีความน่าสนใจในเชิงสุนทรียศาสตร์ด้วย Nishida มีวิธีการเขียนที่ทั้งลึกซึ้งและละเอียดอ่อน ภาษาของเขานุ่มนวลราวกับสีน้ำบนกระดาษญี่ปุ่น
Nishida พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ปรัชญาที่เป็นทางการมากเกินไป แทนที่จะใช้ภาษาวรรณกรรมที่ไพเราะและทำให้เนื้อหาเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ผลกระทบของ “Being as Emptiness”
หนังสือเล่มนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการปรัชญญาญี่ปุ่น โดยเฉพาะในแวดวง Zen Buddhism และ phenomenology Nishida เป็นหนึ่งในนักปรัชญาชาวญี่ปุ่นคนแรกที่นำเอาแนวคิดตะวันตกมาผสานกับแนวคิดของตนเอง
“Being as Emptiness” เป็นผลงานที่ท้าทายและให้ความกระจ่างแก่ผู้ที่สนใจในการสำรวจความหมายของการดำรงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของวัฒนธรรมญี่ปุ่น
แม้ว่าเนื้อหาอาจดูลึกลับสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับปรัชญา แต่การอ่าน “Being as Emptiness” จะเป็นเหมือนการเดินทางไปยังโลกใหม่ ที่ซึ่งความว่างเปล่ากลายเป็นศูนย์กลางของความเป็นจริง
บันทึกพิเศษ:
- หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2479 ในภาษาญี่ปุ่น และแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี พ.ศ. 2518
คำแนะนำ:
-
อ่านหนังสือ “Zen and Japanese Culture” ของ D.T Suzuki ก่อนเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Zen Buddhism
-
จำไว้ว่าการอ่านปรัชญาไม่ใช่เรื่องง่าย คุณอาจต้องอ่านเนื้อหาซ้ำหลายๆ ครั้ง เพื่อให้เข้าใจได้อย่างถ่องแท้