Rich Dad Poor Dad - การผจญภัยทางการเงินที่เต็มไปด้วยไหวพริบและเคล็ดลับแสนทรงคุณค่า
ในโลกของวรรณกรรมการเงิน ที่เต็มไปด้วยแนวคิดซ้ำซาก และคำแนะนำแบบเดิมๆ “Rich Dad Poor Dad” ของ Robert Kiyosaki นับเป็นผลงานชิ้นเอก ที่ฉีกทุกกรอบความคิด และนำผู้อ่านไปสู่การเข้าใจความมั่งคั่งในมุมมองใหม่
หนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่แค่คู่มือการลงทุน หรือแนวทางในการประหยัดเงิน แต่เป็นบันทึกการเดินทางของผู้เขียน ที่ได้เรียนรู้หลักการสำคัญของการเงิน จาก “พ่อรวย” - นักธุรกิจที่ชาญฉลาด และ “พ่อจน” - คุณครูผู้มีการศึกษาสูง
Kiyosaki เล่าถึงบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่ได้รับจากทั้งสองฝ่าย ผ่านเรื่องราวชีวิตจริง ที่เต็มไปด้วยความสนุก และแง่คิด
เนื้อหาของ “Rich Dad Poor Dad”
หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 10 บท ซึ่งครอบคลุมหัวข้อสำคัญเกี่ยวกับการเงิน ได้แก่:
- บทที่ 1-3: นำเสนอความแตกต่างในมุมมองต่อการเงิน ระหว่าง “พ่อรวย” และ “พ่อจน”
- บทที่ 4-6: อธิบายหลักการทำงานของเงิน การสร้างทรัพย์สิน และการลงทุนอย่างชาญฉลาด
บท | เรื่องราวหลัก |
---|---|
4 | “พ่อรวย” สอน Kiyosaki ว่าการเรียนรู้ที่แท้จริงนั้นมาจากประสบการณ์ |
5 | อธิบายความสำคัญของการสร้างรายได้แบบ Passive Income |
6 | แนะแนวทางในการสร้างธุรกิจของตัวเอง |
- บทที่ 7-10: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการหนี้ การใช้จ่ายอย่างมีสติ และการวางแผนอนาคตทางการเงิน
Kiyosaki ไม่เพียงแต่สอนวิธีการทำเงินเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดนอกกรอบ และกล้าที่จะเสี่ยง
สไตล์การเขียนและการนำเสนอ
“Rich Dad Poor Dad” เป็นหนังสือที่อ่านง่าย และเข้าใจได้ง่าย แม้ผู้ไม่เคยมีความรู้ทางด้านการเงินมาก่อนก็สามารถรับรู้เนื้อหาได้อย่างชัดเจน Kiyosaki ใช้ภาษาที่เป็นกันเอง และผสมผสานเรื่องราวชีวิตจริง เข้ากับหลักการทางการเงิน ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนกำลังสนทนา
การผลิตและความนิยม
“Rich Dad Poor Dad” ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1997 และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั่วโลก ตำราเล่มนี้ได้ถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ มากกว่า 50 ภาษาทั่วโลก และมียอดขายมากกว่า 32 ล้านเล่ม
บทวิจารณ์และการต้อนรับ
หนังสือ “Rich Dad Poor Dad” ได้รับคำชื่นชมจากผู้อ่านจำนวนมาก ที่ยกย่องว่าเป็นคู่มือการเงินที่ทรงพลัง และเปลี่ยนแปลงชีวิตได้จริง
อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ก็ได้รับเสียงวิจารณ์จากนักเศรษฐศาสตร์บางส่วน ที่มองว่าหลักการทางการเงินในหนังสือ อาจไม่ถูกต้องหรือเหมาะสมกับทุกสถานการณ์
ข้อดีของ “Rich Dad Poor Dad”
-
เข้าใจง่าย: ภาษาที่ใช้เป็นกันเอง และผสมผสานเรื่องราวชีวิตจริง ทำให้เนื้อหาเข้าใจได้ง่าย
-
แรงบันดาลใจ: หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยคำคมและเรื่องราว ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านก้าวไปสู่ความสำเร็จทางการเงิน
-
มุมมองใหม่: “Rich Dad Poor Dad” นำเสนอมุมมองใหม่ต่อการเงิน ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดแบบเดิมๆ
ข้อควรระวัง
- ไม่ใช่สูตรสำเร็จ: หลักการในหนังสืออาจไม่ได้เหมาะสมกับทุกคน และจำเป็นต้องอาศัยการปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล
- ความเสี่ยง: Kiyosaki เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุน แต่ก็ไม่ควรลืมว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง
สรุป
“Rich Dad Poor Dad” เป็นหนังสือที่ควรค่าแก่การอ่าน สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องการเงิน และต้องการเรียนรู้หลักการพื้นฐาน เพื่อก้าวไปสู่ความมั่งคั่ง
แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะมีข้อวิจารณ์บางประการ แต่ก็ยังคงเป็นตำราคู่มือทางการเงินที่ทรงอิทธิพล และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง